Thursday, 23 March 2023

"สู่ขวัญ บูลกุล" ในวัย 50 รู้สุขรู้ทุกข์ ออกแบบการจากลาของตัวเองไว้แล้ว ไม่อยากกลับมาเกิดอีก

เป็นผู้หญิงต้นแบบของสาวๆผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยในยุคนี้ สำหรับ “สู่ขวัญ บูลกุล” ที่ปีนี้ย่างเข้าเลข 5 แล้ว สู่ขวัญได้มาเปิดใจในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา ทั้งสุข แล้วก็ ทุกข์ รวมทั้งการผ่านวาระของการจากลา ที่เป็นตอนที่ทุกข์ที่สุดในชีวิต จน ไม่คิดอยากจะเกิดมาอีกแล้ว

ชอบพลังงานดี ๆ ในวัยนี้?

“ใช่ เรารู้สึกว่า ยิ่งเราอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเรายิ่งชอบตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อดีตคำว่า รักตัวเอง พวกเราไม่เก็ตเลย มันอย่างไร หมายความว่าอะไร ฉันจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อตนเองเหรอ สุข ทุกข์ ที่มันผ่านมาในชีวิตเรา ทำความเข้าใจกับมัน ตอนทุกข์ ก็ทุกข์ ตอนสุข ก็สุข แต่มันทำให้เราเข้าใจชีวิต และ รู้จักชีวิต

จนมาเป็นวันนี้ เราไม่ได้เพอร์เฟกต์ และ ไม่ได้มีทุกอย่าง แต่เราก็เดิน ก้าว ผ่านผ่านทุกอย่างมาได้ บางทีก็ไปได้อย่างเร็วทันใจ บางทีก็ไปได้ช้า บางทีก็จะต้องลงไปพักก่อน ลุกไม่ไหว แต่สุดท้ายเราก็ผ่านหลายอย่างมาแล้ว

จะเรียกว่าภูมิใจก็ได้ จะเรียกว่า พวกเรารู้จะชีวิตก็ได้ เราไม่ค่อยกลัว ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราเชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ ทั้งหมดจะเกิดเรื่องราวในชีวิตที่ในที่สุด เราจะรู้ดีว่าที่มาถึงวันนี้ เป็นเพราะตัวเรา

เพราะเหตุว่าการเอ๋ยถึงชีวิตมันไม่มีใครช่วยเหลือกันได้นะ คุณจำต้องเดินไปด้วยตัวเอง ทุกปัญหา ทุกอุปสรรค มีคนยื่นกำลังใจได้ ให้คำปรึกษาได้ ให้ความรักได้ แต่คนที่ในที่สุดจะต้องลุกขึ้น แล้วก็เดินไปเองให้ได้คือ เรา”

จริง ๆ แล้วชีวิตมนุษย์ มันมิได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่อยู่กับสิ่งที่เรามีอยู่?

“มันบางครั้งก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดี ที่สุด ที่เราทำเป็นก็ได้ แต่เราอุตสาหะที่จะคิดทำอะไรให้มันยากไปอีก มันจำเป็นต้องค้นหาขั้นตอนการ หรือยังไง แต่ท้ายที่สุด มันก็คืออยู่กับโมเมนต์นั้น ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะ สุข หรือ ทุกข์ มันจะผ่านไปทุกวินาที อันนั้นแหละ คือดีที่สุดแล้ว ที่พวกเราจะทำได้”

สู่ขวัญ

“สู่ขวัญ บูลกุล” เคยบอกไว้ว่า อีก 5 ปีจะออกจากแวดวง ตอนนี้ยังเหลืออีก 1 ปี แต่ สู่ขวัญ ก็ไม่เชิงว่า อยู่ในวงการ?

“(หัวเราะ) ยังคิดอยู่เสมอเวลา ยังคิดอยู่เรื่อยนะ ถ้าเกิดพวกเราไม่ทำอะไรทุกอย่าง ที่พวกเราทำอยู่ในเวลานี้ จะเป็นอย่างไร แต่ขวัญพบว่าเราชอบรักคนที่ดำเนินการด้วยเสมอเลย มันเลยเป็นอีกหนึ่งเรื่องไป ไม่ใช่ว่าเราอยู่ในแวดวง หรืออะไร ขวัญเป็นคนโชคดี เรื่องคน ทุกคราว คนที่ขวัญทำงานด้วย จะกลายเป็นเพื่อนในชีวิตจริงไปหมดเลย โดยเหตุนี้การออกจากแวดวงมันยากตรงที่พวกเขาเป็นเพื่อนเรา การที่ไปดำเนินการเหมือนการได้ไปพบเพื่อนฝูง ซึ่งพวกเราก็รักเขา และก็ ยังอยากเจอเขาอยู่ตลอด”

ชีวิตโดยรวมยังมีอะไรที่รู้สึกอยากจะค้นหาอีกไหม?

“ขวัญว่าเราไม่ต้องไปค้นหรอกจ้ะ ชีวิตมันใส่อะไรให้พวกเรามาตลอด โดยที่เราไม่ต้องค้นหา ขวัญว่าพวกเราจัดการมันให้ได้ดีกว่า ยิ่งโตขึ้น ประสบการณ์ชีวิตมากเพิ่มขึ้น สิ่งที่ชีวิตมันโยงให้พวกเรา มันบางทีก็อาจจะซับซ้อนขึ้น ยากขึ้น ทำไมที่มันผ่านมาแล้ว มันง่ายไปแล้ว พวกเราก็จะไม่ไปจุดโฟกัสกับมัน เราจะก้าวข้ามผ่านมันไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความเพียรพยายามแล้ว พวกเรารู้ พวกเราเข้าใจว่าเราจะผ่านมันไปยังไง พวกเราทราบพวกเราเข้าใจว่าพวกเราจะคิดกับเรื่อง ๆ นั้นยังไง ชีวิตมันยังเป็นอะไร ที่อเมซิ่งเสมอ

ถึงปีนี้ ขวัญ 50 ปี ขวัญก็ไม่เชื่อว่า ขวัญเข้าใจชีวิตดี เพียงแต่แต่ว่า พวกเราศึกษาที่จะดำรงชีวิตอยู่กับ สุข และ ทุกข์ พอใจ ไม่พอใจ เสร็จ และ ผิดหวัง ทราบดีว่าจะอยู่กับสิ่งต่าง ๆ และก็อารมณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ยังไง แต่พี่ขวัญก็ไม่เชื่อว่า พี่ขวัญเข้าใจชีวิตได้ดี เราเชื่อว่ามันยังมีอีกมาก เพียงแค่เมื่อเรามาถึงครั้งคราว บางครั้งบางครว เมื่อพวกเราจะต้องเจออะไร เราก็จะพบสิ่งนั้นเอง”

4 ปีที่ผ่านมา เรื่องที่ทุกข์ที่สุด คืออะไร ก้าวผ่านอย่างไร?

“ทุกข์ที่สุดคือ เรื่องของการจากไปของคุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่ เนื่องจากภายใน 3 ปี ที่ผ่านมา เสียเรียงกันเลยค่ะ ป๊ะป๋าเสียไปก่อน ป๋าเสียปี 2019 แม่เสียปีที่แล้ว ถือได้ว่าเป็นการสูญเสีย ที่มันก็ให้สัจธรรมของชีวิตจริง ๆ

เพราะเหตุว่าสำหรับขวัญป๋าสำคัญมากในชีวิต แต่พวกเราก็ทราบมาตลอด เนื่องจากว่าคุณพ่อมิได้กะทันหัน แต่แกป่วยหนักมายาวนานหลายปีแล้ว พวกเราก็รู้ว่ามันมีสักวันแน่ๆ ก็คุยกับตนเองว่า สิ่งที่จะมีผลให้เราเสียใจ คือใน เวลาที่พวกเรามีอยู่ ทำไมพวกเราถึงไม่ทำ

ตอนที่คุณพ่อยังอยู่ ใน วันเวลานั้น ณ สภาพแวดล้อมนั้น ใน ความรู้ความเข้าใจเวลานี้ทุกอย่างที่เราพอจะทำได้ พวกเราว่าพวกเราได้ทำเต็มที่แล้ว เมื่อพ่อจากไป เราก็คงจะเดินต่อไปได้ ซึ่งพวกเราก็เดินต่อไปได้จริง ๆ จ้ะ แต่ความทุกข์มันหนักมากมาย เหมือนกับว่าบางอย่าง ฉีก แล้วหายวับไปเลยจากชีวิต ชีวิตมันต่อรองมิได้จริง ๆ เรื่องความจริงชีวิต มันต่อรองไม่ได้จริง ๆ มีบางอย่างฉีกขาดหายวับไปกับตาเลย ขนาดว่าเราเตรียมมาอย่างดีแล้ว พวกเราก็ยังมีความรู้สึกว่า มันส่งผลกระทบกับเราม๊าก…มากมายๆๆๆ

เราทำทุกอย่างมาอย่างดี เตรียมใจมาอย่างดี ในเวลานั้นไม่มีฟูมฟาย จนกระทั่ง ลอยอังคารเสร็จเสมือนทุกอย่างมันถาโถม เรารู้สึกได้เลยว่า นี่คือความทุกข์ใจ ถ้าเกิดจะเป็นความทุกข์แบบไหน ที่พวกเรามีความคิดว่าไม่ได้อยากกลับมาเกิดอีกแล้ว

เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาพบกับความทุกข์ทรมานอย่างนี้อีก ด้วยเหตุว่ามันหนัก ยิ่งพวกเราเห็นลูกเราเศร้าหมอง จากที่พวกเราโศกสลดอยู่แล้ว มันยิ่งเศร้าไปอีกเท่านึง พวกเรายิ่งจะต้องทรหดอดทน พี่ขวัญบอกเลยว่า ความอดทนของผู้คนไม่มีข้อจำกัด”

สู่ขวัญ บูลกุล

“สู่ขวัญ” มีคุยกับสามีแล้ว หากเธอรั้งฉันไว้ ฉันจะกลับมาหลอก?

“ใช่ ก็คุยกับพี่โชคไว้ พี่โชคเขาจะพูดว่าไม่ได้สิ ถ้าหากเรายังได้โอกาส พวกเราจำต้องทำแบบเต็มที่ ทำสุดความสามารถ ที่เราจะทำได้ มีโอกาสพวกเราจำเป็นต้องสู้ ขวัญก็พูดว่า ประเดี๋ยวก่อนจ้ะ สู้นี่ฉัน ดิฉันทรมาทรกรรมนะคะ ทุกวันนี้ขวัญดำรงชีวิตอย่างรู้คุณค่าของชีวิต ที่ผ่านมา ก็มิได้เสียใจกับเรื่องอะไร ก็ทำเต็มที่ ทุกวันนี้ตื่นมารู้สุข รู้ทุกข์ ในแต่ละวัน เมื่อมีความสุขก็รู้คุณค่าของความสุข เมื่อเจอความทุกข์ใจ ก็เข้าใจว่านี่ล่ะ คือการศึกษาของชีวิต ไม่เคยประมาทกับมัน ไม่เคยไม่เห็นคุณค่าของชีวิต

หากวันนึงเราเป็นอะไรไป แล้วมันจะต้องเป็นความทรมาน สำหรับในการรักษา แม่รู้สึกว่าแม่โอเค ปลดปล่อยเถอะ เพียรพยายามกล่าวกับลูกไว้ แต่กับสามีมองแบบเสมือนต้องรักษาไหม เราเลยต้องใช้มุก ถ้าหากมายืดแบบทรมานนะ การันตี พี่ล้างหน้าอยู่แหงนขึ้นมา พี่มองเห็นขวัญอยู่ข้างหลังแน่นอน คือข่มขู่ไว้ก่อนเลย พี่จะพบกับขวัญอีกภาคนึงแน่ๆ”

แล้วสุขในแต่ละวันของเรา?

“แค่ทุกยามเช้า มีกาแฟก็แฮปปี้แล้ว นี่คือสิ่งที่พี่ขวัญมีความสุข ในทุก ๆ ยามเช้าของวัน ตื่นยามเช้ามาทำนั้นทำนี้ ทำครัวเสร็จ ก็นั่งทานกาแฟ นั่งมองต้นไม้ ได้นั่งอยู่คนเดียวเฉยๆอากาศดี ก็แฮปปี้ แดดดีก็งาม วันนี้ครึ้ม ๆ มันก็เป็นอีกแบบนึง หนาวนี้หนาวอยู่ยาวนานหลายวัน ก็รู้สึกโชคดี ที่ปีนี้หนาวนาน ยังแฮปปี้กับโมเมนต์นั้นดังเดิม หากสู่ขวัญ อาทิตย์หน้าต้องตายแล้วนะ อะไรบ้างที่เราคิดถึง บางทีอาจจะนึกถึงตอนที่เรานั่งรับประทานกาแฟเงียบๆของเราคนเดียว รุ่งอรุณ นั่งดูต้นไม้ แล้วคิดโน่น คิดนี่ไป”

มันเรียบง่ายเหลือเกิน?

“ขวัญมีความคิดว่า ขวัญโชคดี ที่ว่าถ้าเกิดความสุขของขวัญ มันง่ายเท่านี้มันก็กลายเป็นขวัญ มีความสุขได้ทุกวันเลยเนอะ ต่อให้เรามีเรื่องมีราวทุกข์อยู่ พวกเราก็จะตื่นมาแล้วมีโมเมนต์นั้น เป็นช่วงๆที่เราได้อยู่เฉยๆแล้วคิด ปล่อยวางกับอะไรบางอย่าง คิดที่จะช่างมัน รวมทั้งยอมรับกับความไม่ได้ดั่งใจนั้น ถึงแม้ว่าจะมันสุข หรือ ทุกข์ มันก็เป็นจังหวะที่ดี เป็นโมเมนต์ที่ดี ประจำวันที่เรามีอยู่ในแต่ละวัน”